พื้นที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูง จากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย (เห็นสูงอย่างนี้อย่าตกใจไป เดินง่ายกว่าเขาหลวงเยอะค่ะ แถมมีลูกหาบแบกของให้ด้วยบางส่วน) แต่เราจะไปแคมป์ที่ลานสน ความสูง 1,633 เมตร จุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว คือ การได้ชมทุ่งดอกไม้สีม่วงที่เรียกว่า"ดอกหงอนนาค" และดอกไม้หลากสีสันสลับให้เห็นอยู่ทั่วลานสน ซึ่งจะบานในช่วงฤดูฝน ถือเป็นนางเอกแห่งทริปภูสอยดาวเลยทีเดียว

วันเดินทาง 22 ส.ค. 67
21.30 ออกเดินทางจาก กรุงเทพโดยรถตู้ปรับอากาศ

วันที่ 23 ส.ค.67

06.30 อรุณสวัสดิ์รับแสงแดดยามเช้า ที่ อช.ภูสอยดาว ล้างหน้าเรียกความสดชื่นรับเช้าวันใหม่

07.00 จัดการแยกสัมภาระกันก่อนค่ะ (น้ำหนักไม่เกินท่านละ 6 กิโลกรัมค่ะ ขอแนะนำว่านำไปแต่เฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้นค่ะ ถ้าหากน้ำหนักเกินจากส่วนที่แจ้งไว้ รบกวนชำระเพิ่มตามจริง กิโลกรัมละ 30 บาท ซึ่งโดยปกติน้ำหนักนี้เพียงพอสบายๆ ค่ะ )

07.30 เติมพลังมื้อเช้ากันแบบเต็มที่ เริ่มออกเดินจากจุดเริ่มเดินจากบริเวณเรียบ “น้ำตกภูสอยดาว”มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อไว้อย่างไพเราะว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี และเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ผ่านเนินต่างๆ ดังนี้ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง เนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินสุดท้ายลาดขันที่สุด แทบจะตั้งฉากไปกับแกนโลกเลยทีเดียว แต่ความงามระหว่างที่เราได้ปีนป่ายมันขึ้นไป สวยอย่าบอกใคร วิวภูเขาที่เรียงสลับซับซ้อนในมุมมองตั้งฉากก็สวยงามไม่แพ้ใครเลยรวมระยะทางเดิน 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความพร้อมของแต่ละคน

พอพ้นจากช่วงนี้แล้ว ก็จะเจอกับลานสนอันกว้างใหญ่ พร้อมกันทุ่งดอกไม้ที่ชูช่อสะบัดคอคอยต้อนรับพวกเราอยู่ เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติ มีพื้นที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ เป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาว ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร สภาพพื้นที่ของลานสนสามใบจะเป็นเนินสูงต่ำสลับกันไป เป็นป่าสนสามใบพืชชั้นล่างเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีดอกไม้ดินชูช่อแย่งกันออกดอกเป็นกลุ่มหนาแน่น เช่นดอกหงอนนาค, ดอกสร้อยสุวรรณา และดอกหญ้ารากหอม

ช่วงบ่าย แก่ๆ ถึงที่พักแล้ว นั่งพักให้หายเหนื่อยกันสักหน่อย แล้วออกสำรวจพื้นที่ลานสนกันได้เลย ถ้าเป็นช่วงที่ฝนเพิ่งหยุดตก สายหมอกก็เริ่มพัดผ่าน ราวกับว่าเราอยู่ในห้วงดินแดนของความฝัน

ช่วงเย็นกลับมาทานอาหาร และพักผ่อนกันประสาชาวแค้มป์

วันที่ 24 ส.ค.67
ตื่นเช้ารับแสงอรุณบนยอดดอย ก่อนรับประทานอาหารเช้า
จากนั้นไปเที่ยวน้ำตกที่สวยงามที่อยู่ในหุบบนยอดภูกัน นั่นคือ น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มี 7 ชั้น ความสูงแต่ละชั้นประมาณ 5-10 เมตร สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมากจึงมีมอสเขียว ขึ้นปกคลุมทั่วไปตามก้อนหินริมน้ำ ทางลงค่อนข้างลาดชันพอสมควร

12.00 กลับมาเติมพลังมื้อกลางวันกันที่แคมป์ค่ะ หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ก็เดินเล่นชมวิวหามุมถูกใจถ่ายรูปกับทุ่งดอกหงอนนาค ช่วงเย็นไปยังหินหลักเขตแดน ไทย – ลาว เดินชมวิวไปเรื่อย ไปถ่ายรูปที่จุดชมวิว เก็บภาพมุมสูงอีกด้านหนึ่งของภูสอยดาว ระหว่างทางเดินกลับ ชมความงามเล็ก ๆในระหว่างการเดินในเส้นทาง มีดอกไม้ป่าเล็กๆ อีกหลายชนิดที่เบ่งบานแซมไปกับทุ่งหงอนนาคอยู่ด้วย จากนั้นกลับมารับประทานอาหารเย็น พักผ่อน นอนนับดาวกันอีกหนึ่งคืนค่ะ

วันที่ 25 ส.ค.67
ตื่นรับแสงอาทิตย์ รับประทานอาหารเช้า เตรียมพร้อมเก็บสัมภาระ แล้วออกเดินทางกันเดินกลับลงไปยังเส้นทางเดิม

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน หลังจากนั้นก็อาบน้ำให้สะอาดสดชื่นใครอยากสัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำของน้ำตกก็เล่นได้เลย

14.30 ล้อหมุนจาก อช.ภูสอย แวะรับประทานอาหารเย็นที่ นครสวรรค์

24.00 ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ

ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน

ค่าใช้จ่ายคนละ 8,000 บาท รวม
- ค่ารถตู้เดินทางไปกลับ กทม.- ภูสอยดาว
– ค่าที่พัก 2 คืน : นอนเต็นท์ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
– ค่าอาหาร 9 มื้อ ตามรายการ
- ค่าจัดกิจกรรมการเรียนรู้
– ค่าลูกหาบแบกสัมภาระ ไม่เกิน 6 กิโลกรัม
– กองกลางที่เตรียมให้ – เต็นท์ -กราวน์ชีทกลาง- ฟลายชีตกลาง-
– ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามรายการ
– ค่าทีมงานเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดการเดินทาง

อัตรานี้ไม่รวม
– ค่าใช้จ่ายส่วนตัว